บัวหลวง
สายพันธุ์ดอกบัวหลวง
1. บัวพันธุ์ดอกสีชมพู (บัวแหลมชมพู) มีชื่อว่า ปทุม ปัทมา โกกระนต
หรือโกกนุต ดอกขนาดใหญ่ ดอกตูมเป็นรูปไข่ ปลายเรียวสีชมพู กลีบดอกชั้นนอกมี 4-5
กลีบ
รูปไข่มีขนาดเล็ดเรียงตัวกัน 2 ชั้น ส่วนกลางของกลีบมีรูปร่างโค้งป่อง
ตรงกลางสีชมพูอมเขียว ส่วนกลีบดอกชั้นกลางและชั้นในสีชมพูเข้ม โคนกลีบดอกสีขาวนวล
มีประมาณ 13-14 กลีบ เรียงตัวเป็นชั้น ประมาณ 3 ชั้น
อยู่โดยรอบฐานดอก
กลีบชั้นนอกและชั้นในมีสีและรูปร่างคล้ายชั้นกลางแต่เล็กกว่ากลีบในชั้นกลาง
2. บัวหลวงพันธุ์ดอกสีขาว (บัวแหลมขาว) มีชื่อว่า บุณฑริกหรือปุณฑริก
ดอกขนาดใหญ่เป็นรูปไข่ ปลายเรียว คล้ายบัวพันธุ์ปทุม
ดอกมีสีขาวประกอบด้วยกลีบดอกชั้นนอกสีขาวอมเขียว
ส่วนกลีบในชั้นกลางและชั้นในสีขาวปลายกลีบดอกสีชมพูเรื่อๆ
รูปร่างของกลีบและการเรียงตัวของกลีบดอกคล้ายดอกบัวพันธุ์ปทุม
3. บัวหลวงชมพูซ้อน (บัวฉัตรชมพู) มีชื่อว่า สัตตบงกช ดอกมีขนาดใหญ่
ดอกตูมเป็นรูปไข่ทรงป้อม สีชมพู ประกอบด้วยกลีบนอกเป็นรูปรี มี 4-7 กลีบ
กลีบเล็กเรียนซ้อนกันเป็นชั้น 2-3 ชั้น สีเขียวอมชมพู กลีบในสีชมพูตลอด
ส่วนโคนกลีบที่ติดกับฐานรองดอกมีสีขาวอมเหลือง กลีบในมีประมาณ 12-16 กลีบ
กลีบในชั้นนอกและชั้นในมีขนาดเล็กกว่าชั้นกลาง เป็นรูปไข่ที่มีส่วนกว้างอยู่ด้านบน
เกสรตัวผู้ชั้นนอกๆ เป็นหมัน โดยมีก้านชูที่เป็นเกสรตัวผู้ที่เป็นแผ่นบางๆ
สีชมพูคล้ายกลีบในแต่มีขนาดเล็กกว่า ไม่มีอับเรณู
แต่ปลายกลีบมีส่วนยื่นออกมาที่มีฐานเรียวเล็ก ส่วนปลายพองใหญ่ มีสีขาวนวล
4. บัวหลวงขาวซ้อน (บัวฉัตรขาว) มีชื่อว่า สัตตบุตย์ ดอกมีขนาดใหญ่
ดอกตูมเป็นรูปไข่ทรงป้อม คล้ายบัวพันธุ์สัตตบงกช ดอกมีสีขาว
ประกอบด้วยกลีบดอกสีเขียวอมขาว ส่วนกลีบชั้นในสีขาวตลอด
ส่วนรูปทรงและการเรียงตัวของกลีบดอกคล้ายบัวพันธุ์สัตตบงกช
ดอกไม้ประจำจังหวัด
ดอกบัวหลวงเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดปทุมธานี พิจิตร สุโขทัย และหนองบัวลำภู
อ้างอิง : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87
บัวสาย
บัวสาย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Nymphaea lotus) เป็นพืชน้ำชนิดหนึ่ง มีลำต้นใต้ดินเป็นหัว หรือเหง้า ลักษณะคล้ายหัวเผือก ใบเดี่ยวแตกจากเหง้า ก้านใบยาว อ่อน ส่งใบขึ้นมาลอยบนผิวน้ำ แผ่นใบค่อนข้างกลม ผิวใบด้านบนเรียบเป็นมัน ด้านล่างมีขนละเอียด ดอกเป็นดอกเดี่ยว ก้านดอกเหมือนก้านใบ ภายในมียางใสและท่ออากาศมาก ผลเรียกโตนดบัว รับประทานได้ มีแป้งมาก ก้านดอกเรียกสายบัว รับประทานได้
สายบัว : ผักพื้นบ้านจากแหล่งน้ำ
ในอดีตเมื่อปลายฤดูฝนประมาณเดือนตุลาคม น้ำก็จะเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมท้องทุ่งในเขตที่ ลุ่มภาคกลาง หลังจากนั้นพืชน้ำชนิดต่างๆก็จะงอกงามขึ้นมาเองมากมาย และหลายชนิดใช้เป็นผักได้ดีเช่นบัวสาย เป็นต้น ชาวบ้านจะพายเรือออกไปในทุ่งแล้วเลือกเก็บสายบัวจากดอกบัว จากดอกบัวที่ยังตูมอยู่ ออกแรงดึงเบา ๆ สายบัวก็หลุดจากเหง้า หากน้ำลึกก็จะได้สายบัวยาวจนต้องนำมาขดเป็นวงกลม ๆ คล้ายงู หากยังไม่ใช่ก็นำไปลอยน้ำเก็บไว้ได้หลายวัน โดยไม่แห้งเหี่ยวหรือเน่าเสีย
ในอดีตเมื่อปลายฤดูฝนประมาณเดือนตุลาคม น้ำก็จะเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมท้องทุ่งในเขตที่ ลุ่มภาคกลาง หลังจากนั้นพืชน้ำชนิดต่างๆก็จะงอกงามขึ้นมาเองมากมาย และหลายชนิดใช้เป็นผักได้ดีเช่นบัวสาย เป็นต้น ชาวบ้านจะพายเรือออกไปในทุ่งแล้วเลือกเก็บสายบัวจากดอกบัว จากดอกบัวที่ยังตูมอยู่ ออกแรงดึงเบา ๆ สายบัวก็หลุดจากเหง้า หากน้ำลึกก็จะได้สายบัวยาวจนต้องนำมาขดเป็นวงกลม ๆ คล้ายงู หากยังไม่ใช่ก็นำไปลอยน้ำเก็บไว้ได้หลายวัน โดยไม่แห้งเหี่ยวหรือเน่าเสีย
ประโยชน์ด้านอื่น ๆ จากบัวสาย
นอกจากใช้เป็นผักแล้ว บัวสายบังปลูกเป็นไม้ประดับได้ดีอีกด้วย เนื่องจากบัวสายมีหลายชนิด จึงมีหลายขนาด รูปร่างของใบและดอก แตกต่างกันไป โดยเฉพาะรูปทรงขนาด และสีของดอกมีมากมาย เพราะนอกจากมีหลากหลายตามธรรมชาติแล้ว ยังมีผู้นำมาผสมพันธุ์จนได้บัวสายที่งดงาม เหมาะสำหรับปลูกในอ่างบัวหรือกระถางเคลือบขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณบ้าน เป็นไม้ประดับที่ดียิ่งชนิดหนึ่งซึ่งดูแลรักษาไม่ยาก ราคาไม่แพง ยิ่งกว่านั้นก้านดอก(สายบัว) ยังนำมาทำอาหารได้อีกด้วย น่าที่ผู้อ่านจะลองหามาปลูกเอาไว้เป็นอาหารตา อาหารปาก และอาหารใจ เป็นเสมือนสายใยเชื่อมระหว่างคนกับธรรมชาติที่นับวันจะถูกดึงห่างออกจากกันยิ่งขึ้นทุกขณะ
นอกจากใช้เป็นผักแล้ว บัวสายบังปลูกเป็นไม้ประดับได้ดีอีกด้วย เนื่องจากบัวสายมีหลายชนิด จึงมีหลายขนาด รูปร่างของใบและดอก แตกต่างกันไป โดยเฉพาะรูปทรงขนาด และสีของดอกมีมากมาย เพราะนอกจากมีหลากหลายตามธรรมชาติแล้ว ยังมีผู้นำมาผสมพันธุ์จนได้บัวสายที่งดงาม เหมาะสำหรับปลูกในอ่างบัวหรือกระถางเคลือบขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณบ้าน เป็นไม้ประดับที่ดียิ่งชนิดหนึ่งซึ่งดูแลรักษาไม่ยาก ราคาไม่แพง ยิ่งกว่านั้นก้านดอก(สายบัว) ยังนำมาทำอาหารได้อีกด้วย น่าที่ผู้อ่านจะลองหามาปลูกเอาไว้เป็นอาหารตา อาหารปาก และอาหารใจ เป็นเสมือนสายใยเชื่อมระหว่างคนกับธรรมชาติที่นับวันจะถูกดึงห่างออกจากกันยิ่งขึ้นทุกขณะ
อ้างอิง : https://www.doctor.or.th/article/detail/3874
บัววิกตอเรีย
บัววิกตอเรีย หรือ บัวกระด้ง (อังกฤษ: Victoria waterlily) เป็นบัวในสกุล Victoria จัดเป็นบัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีลำต้นใต้ดินเป็นหัวใหญ่ ใบเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ประมาณ 6 ฟุต ลอยบนผิวน้ำ ใบอ่อนมีสีแดงคล้ำเมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม ขอบใบยกขึ้นตั้งตรง มีหนามแหลมตามก้านใบและผิวใบด้านล่าง ก้านดอกและกลีบเลี้ยงด้านนอกมีหนามแหลม ดอกเป็นดอกเดี่ยวขนาดใหญ่ ดอกแรกบานจะมีสีขาว จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีขาวอมชมพู และเป็นสีแดงเรื่อในที่สุด บานเวลาใกล้ค่ำ หรือกลางคืน มีกลิ่นหอม และจะหุบในตอนสายของวันรุ่งขึ้น
สายพันธุ์
- บัววิกตอเรีย อมาโซนิกา (Victoria amazonica) เป็นสายพันธุ์หนึ่งของ บัววิกตอเรีย ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 3 เมตร ก้านบัวยาว 7-8 เมตร พบอยู่ทั่วไปตามหนองน้ำตื้น ๆ ของแม่น้ำอะเมซอน วันที่ออกดอกวันแรกจะมีสีขาว แต่พอเข้าวันที่สองจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู[1]
- บัววิกตอเรีย สายพันธุ์อังกฤษ (Victoria cruziana) เป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า คือมีเส้นผ่านสูนย์กลางราว 1.5 เมตร แต่มีขอบกระด้งสูงราว 1 คืบ ออกดอกในช่วงปลายฤดูร้อนต่อต้นฤดูฝน คือ ในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน
อ้างอิง : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2
บัวจงกลนี
ชื่อวิทยาศาสตร์: Nymphaea lotus Linn.
ชื่อวงศ์: Nymphaeaceae
ชื่อสามัญ: Pink Double Wit Frilled Petals
ลักษณะทั่วไป:
ต้น เหมือนบัวทุกชนิดรวมกัน พืชน้ำ รากฝังโคลนเลน ก้านดอกอ่อนมีเปลือกลอกออกได้เป็นสายใย ผิวเกลี้ยงไม่มีหนาม
ใบ ใบลอยอยู่บนผิวน้ำ ขอบใบจักถี่ ห่าง ไม่มีระเบียบ ใบเหมือนบัวสาย
ดอก ดอกชูพ้นน้ำ บานกลางวัน กลีบดอกเล็กเรียว ซ้อนมาก ดอกลอยบานตลอดเวลา มีพันธุ์เดียว ดอกมีสีชมพูแล้วเปลี่ยนเป็นสีขาวและมีสีเขียวสลับเมื่อใกล้โรย
ฝัก/ผล เม็ด
เมล็ด สีดำอยู่ในเนื้อหุ้ม มีลักษณะเป็นวุ้นใส
ต้น เหมือนบัวทุกชนิดรวมกัน พืชน้ำ รากฝังโคลนเลน ก้านดอกอ่อนมีเปลือกลอกออกได้เป็นสายใย ผิวเกลี้ยงไม่มีหนาม
ใบ ใบลอยอยู่บนผิวน้ำ ขอบใบจักถี่ ห่าง ไม่มีระเบียบ ใบเหมือนบัวสาย
ดอก ดอกชูพ้นน้ำ บานกลางวัน กลีบดอกเล็กเรียว ซ้อนมาก ดอกลอยบานตลอดเวลา มีพันธุ์เดียว ดอกมีสีชมพูแล้วเปลี่ยนเป็นสีขาวและมีสีเขียวสลับเมื่อใกล้โรย
ฝัก/ผล เม็ด
เมล็ด สีดำอยู่ในเนื้อหุ้ม มีลักษณะเป็นวุ้นใส
การขยายพันธุ์: เพาะเมล็ด หัว(เหง้า)ใต้ดิน
ถิ่นกำเนิด: ไทย
ส่วนที่ใช้บริโภค: ก้านใบลอกผิวที่หุ้ม ใช้รับประทานเป็นอาหาร
สรรพคุณทางยา:
– ดอกบำรุงหัวใจ ทำให้สดชื่น บำรุงกำลัง แก้ร้อนใน เมล็ดบำรุงกำลัง
– หัว บำรุงครรภ์ บำรุงธาตุ
– ดอกบำรุงหัวใจ ทำให้สดชื่น บำรุงกำลัง แก้ร้อนใน เมล็ดบำรุงกำลัง
– หัว บำรุงครรภ์ บำรุงธาตุ
*บัวไทยแท้ตั้งแต่สมัยสุโขทัย มีที่ประเทศไทยแห่งเดียวในโลก
อ้างอิง : https://atilahc.wordpress.com/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7/%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%B5/
บัวเผื่อน
บัวเผื่อน เป็นพันธุ์ไม้น้ำคล้ายบัวสาย อายุหลายปี มีเหง้าและไหลอยู่ใต้ดิน และส่งใบดอกขึ้นมาบนผิวน้ำ บัวเผื่อนมีดอกให้ชมเกือบตลอดทั้งปี เริ่มบานตอนสายและหุบตอนบ่าย ออกดอกตลอดปี บัวเผื่อนมีชื่อพื้นเมืองอื่นว่า นิลุบล นิโลบล (กรุงเทพฯ) บัวผัน บัวขาบ (ภาคกลาง) ป้านสังก่อน (เชียงใหม่) และปาลีโป๊ะ (มลายู นราธิวาส)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ใบเป็นใบเดียวออกแบบเรียงสลับเป็นกลุ่ม แผ่นใบลอยบนผิวน้ำ
ใบรูปไข่กว้าง ยาวประมาณ 10-25 ซม. กว้าง 8-18 ซม.
ผิวใบเกลี้ยงหน้าใบสีเขียว ท้องใบสีเขียวอ่อนถึงสีม่วงจาง ปลายใบทู่ถึงกลมมน
โคนใบเว้าลึก ฃอบใบเรียงถึงหยักตื้นๆ เส้นใบ 10-15 เส้น
แยกจากจุดเชื่อมกับก้านใบ ก้านใบสั้นยาวไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความลึกของน้ำ
ปกติยาว 0.5-2 เมตร
ดอกเป็นดอกเดี่ยว อยู่เหนือน้ำ มีสีขาวแกมชมพู ถึงอ่อนคราม
กลิ่นหอมอ่อนๆ หากมีสีขาวแกมชมพูจะเรียกว่า “บัวเผื่อน”
ส่วนดอกสีครามอ่อนและมีขนาดใหญ่เรียกว่า
“บัวผัน” บางครั้งนักวิทยาศาสตร์แยกเป็น 2 ชนิด
บางครั้งว่าเป็นชนิดเดียวกันแต่มี 2 พันธุ์ แต่ละดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 6-18 กลีบ
มีเกสรตัวผู้สีเหลืองเป็นจำนวนมาก รังไข่มี 10-20 ช่อง
ฝังตัวแน่นอยู่ใต้แผ่นรองรับเกสรตัวเมียรูปถ้วย ก้านดอกคล้ายก้านใบ
และยาวไล่เลียกัน ผลจมอยู่ใต้น้ำหลังจากผสมเกสรแล้ว
การปลูกเลี้ยง
บัวเผื่อนพบขึ้นตามหนอง บึง ริมแม่น้ำที่มีกระแสน้ำอ่อนและขอบพรุ
มีเขตการกระจายพันธุ์อยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ขยายพันธุ์โดยการใช้หน่อหรือเหง้า
ประโยชน์ทางยา
บำรุงครรภ์
เมล็ด เมื่อฝักแก่ดอกร่วงหมดแล้วเรียกว่า”โตนดบัว”
มีเมล็ดเล็กๆ
คล้ายเมล็ดฝิ่น คั่วรับประทานเป็นอาหารได้ รสหอมมัน บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง
หัว ลักษณะเป็นหัวตะปุ่มตะป่ำ
เหมือนโกฐหัวบัว รสหอมมัน เผ็ดเล็กน้อย บำรุงร่างกาย ชูกำลัง บำรุงครรภ์รักษา
บำรุงหัวใจ บำรุงธาตุ
ในตำรายาไทย บัวเผื่อนอยู่ในพิกัดบัวพิเศษ มี 6 อย่างคือ บัวหลวงแดง บัวหลวงขาว บัวสัตตบงกชแดง
บัวสัตตบงกชขาว บัวเผื่อน และบัวขม ใช้แก้ไข้ แก้ลม เสมหะ และโลหิต บำรุงกำลัง
บำรุงหัวใจ ทำให้แช่มชื่น แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ไข้ตัวร้อน บำรุงครรภ์ นอกจากนั้น
ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ในตำรับยาหอมเทพจิตร
มีดอกบัวเผื่อนเป็นส่วนผสมร่วมกับสมุนไพรอื่นๆอีกหลายชนิดในตำรับ
มีสรรพคุณแก้ลมกองละเอียด ได้แก่ อาการหน้ามืด ตาลาย สวิงสวาย ใจสั่น
และบำรุงดวงจิตให้ชุ่มชื่น
อ้างอิง : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น